DATA Trusted POWER
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์มีแบบไหนบ้าง และควรเลือกอย่างไร
-

ปกติเรามักจะชาร์จโทรศัพท์ผ่านอะแดปเตอร์ที่แถมมากับเครื่อง แต่ถ้าหากเกิดเสียหายใช้ไม่ได้ หรือคุณเป็นกำลังมีแผนจะเดินทาง ลองมองหาปลั๊กชาร์จโทรศัพท์แบบที่มีช่องต่อ USB หลายช่องติดกระเป๋าไปด้วย จะช่วยให้เวลาชาร์จอุปกรณ์หลายชนิด เช่น มือถือ แท็บเล็ต หรือกล้อง ทำได้พร้อมกันและสะดวกมากขึ้น เราจะมาลองสำรวจกันว่าอุปกรณ์ชนิดนี้มีกี่แบบและควรเลือกอย่างไร
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์มีแบบไหนบ้าง
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์มีลักษณะเป็นช่อง USB จะช่องเดียวหรือหลายช่องก็ได้ การทำงานพื้นฐานคือการแปลงไฟ กระแสสลับมาตรฐานทั่วไปคือ 100-220VAC ที่ใช้กันทั่วโลก ให้เป็นกระแสไฟตรง ผ่านเต้าเสียบแบบ USB Type A แล้วใช้สายแปลงเป็น USB Type C เพื่อเสียบเข้ากับโทรศัพท์ ส่วนใหญ่จะมีรูปแบบอยู่ 3 รูปแบบตามการใช้งาน คือ
- แบบเสียบตรงกับเต้ารับบนผนัง
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์แบบนี้จะไม่มีสาย สามารถต่อตรงเข้ากับเต้ารับไฟฟ้าได้เลย ข้อดีคือ มีขนาดเล็ก พกพาง่าย แต่มีข้อเสียคือถ้าเต้ารับอยู่ในซอกหรือที่แคบ จะชาร์จอุปกรณ์ได้ลำบาก
- แบบมีสายต่อไปยังเต้ารับบนผนัง
แบบนี้จะมีสายไฟออกจากตัวอุปกรณ์ เพื่อนำไปเสียบเข้ากับเต้ารับบนผนังอีกที แม้เต้าเสียบไฟฟ้าจะอยู่ในซอกหรือที่แคบ ก็ยังชาร์จอุปกรณ์ได้ไม่ลำบาก
- แบบใช้เสียบกับไฟกระแสตรงในรถยนต์
แบบนี้จะมีขั้วต่อกับจุดต่อไฟกระแสตรงในรถยนต์หรือที่เรียกว่าช่องจุดบุหรี่ เพื่อใช้ในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ควรเลือกอย่างไร
- จ่ายไฟได้สูงทำให้รองรับอุปกรณ์การชาร์จได้หลายประเภท
ปริมาณกระแสไฟที่จ่ายออกมาจากปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ยิ่งสูง จะทำให้สามารถรองรับอุปกรณ์ที่ต้องการกระแสสูงได้ เช่น กล้องหรือแท็บเล็ต คุณสามารถใช้ปลั๊กที่มีกระแสจ่ายไฟได้สูงมากกว่าที่อุปกรณ์ต้องการ เพราะมันจะถูกปรับให้เข้ากันโดยอัตโนมัติ ตรงกันข้ามการใช้รุ่นที่จ่ายกระแสได้ต่ำกว่าที่อุปกรณ์ต้องการ จะทำให้ที่ชาร์จร้อนและอาจเสียหายได้ ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ต้องการ 5 V 1A สามารถใช้ ปลั๊ก 5V 2A ได้ แต่ไม่ควรใช้ปลั๊ก 5 V 1A กับอุปกรณ์ที่ต้องการ 5V 2A
- จำนวนช่อง USB ที่ตรงกับความต้องการ
ข้อนี้คุณควรนึกถึงเวลาใช้งานจริงว่าจำนวนช่องต่อ USB มีเพียงพอสำหรับโทรศัพท์และอุปกรณ์ที่คุณมีหรือเปล่า แล้วค่อยดูว่าการจ่ายไฟเมื่อเสียบใช้หลายช่องจะถูกแบ่งกันไหม เช่น ถ้าจ่ายไฟพร้อมกัน 2 ช่อง กระแสจะหาร 2 หรือไม่ เป็นต้น หากต้องชาร์จพร้อมกันทุกชิ้น ก็ต้องเลือกรุ่นที่กระแสไฟเพียงพอกับอุปกรณ์ที่รับกระแสไฟได้สูง
- จ่ายไฟด้วยแรงดันไฟฟ้าคงที่
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ที่ได้มาตรฐาน จะจ่ายไฟด้วยแรงดันไฟฟ้าคงที่ หากเลือกใช้แบบที่จ่ายไฟไม่เสถียร แรงดันไฟไม่คงที่ ไม่สามารถรักษาระดับพลังงานที่ส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ที่ถูกชาร์จอย่างคงที่ได้ จะเป็นตัวการทำให้แบตเตอรี่ของคุณเสื่อมเร็ว หรืออาจจะทำความเสียหายให้อุปกรณ์ของคุณได้
- มีระบบ Quick Charge หรือ Smart Charge
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนหลาย ๆ รุ่นจะมีคุณสมบัติ Quick Charge ถึงแม้แต่ละยี่ห้อมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไป แต่มาตรฐานที่ถือเป็นหลักก็ คือ Quick Charge และควรมี Smart Charge (ชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ) คือ ระบบปรับกระแสและแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะกับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ที่กำลังถูกชาร์จอยู่โดยอัตโนมัติ
- มีระบบป้องกัน
ปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ควรมีระบบป้องกันความปลอดภัย เช่น ระบบป้องกันความดันไฟฟ้าเกิน อุณหภูมิสูงเกิน ไฟฟ้าลัดวงจร กันกระแสไฟเกิน โดยมักจะมีไฟแสดงสถานะแจ้งเตือนร่วมด้วย
- การประกอบดูแข็งแรง
วัสดุที่ใช้ดูคงทน และมีขนาดเหมาะสม
คราวนี้เวลาเดินทางหรือต้องการชาร์จอุปกรณ์รวมกัน ๆ หลายประเภท คุณคงจะมีแนวทางการเลือกซื้อปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ตามการใช้งานและอุปกรณ์ที่มีแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมมองหาเครื่องหมายมอก. ด้วยทุกครั้ง จะได้มั่นใจว่าเราได้เลือกสินค้าที่มีคุณภาพจริง ๆ